(https://freelydays.com/wp-content/uploads/2023/04/8-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-696x364.jpg)1. เนื่องจากว่าเรามิได้เกิดขึ้นมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว
เรามิได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกเมื่อเชื่อวัน หลายหนที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าหากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท
การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราถูกใจจะมีผลให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น และ เพิ่มความแน่ใจ เนื่องจากว่าการเฟลจากที่ปฏิบัติงานโดยมากมักทำให้เราท้อแท้ใจ และขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกเยอะแยะ
ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ขมักเขม้นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ เวลานี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ
2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง
สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เราเคารพที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยแตกต่างกันไป อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำงานทำการ รอสั่งคนนู่นครั้งคนนี้คราว แม้กระนั้นพอใช้ดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า
แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมิได้ไง ทำไมน่ะหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเหม็นหน้าแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางทีอาจจะพาลกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม
หากให้แนะนำก็อย ากจะกล่าวว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็ไม่เหมือนกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าหากพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว
ไม่ได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากไปเที่ยวแบบเดียวกันนั่นแหละ แต่ว่าเพียงแค่ออกหน้าขี้บ่นแบบเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกถึง
เพียงแค่เรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานพวกเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนกันที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มากมาย เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา
3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเหลือเกินในโลกออนไลน์
หลายๆคนมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกเหนือจากที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์
ของพวกเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราเป็นไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถิด
ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารที่พด้วย เนื่องจาก ส่วนมากคนภายในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างี่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ
4. โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา สนใจ เอาใจใส่ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บลู่วิ่งบุคคลอื่นมาอิจฉา
ช่วงปีให้หลังมานี้ สหายพวกเราหลายท่านเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนแปลงงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางครั้งเราเลื่อนมองหน้าเฟสและก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้เจริญ แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากยิ่งกว่าเราหรอกเผลอๆเพื่อนพ้องผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจจะกำลังอิจฉาชีวิตเราอยู่ก็ได้
เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ควรจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา ทราบว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าที่หมายเราปรารถนาอะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูทางวิ่งผู้อื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราจริงจังกับชีวิตเยอะขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาใส่ใจจนถึงเป็นทุกข์เพียงพอ
5. เล่นการเมืองกับทุกคน
เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แสดงว่า ให้เราไม่ต้องจิรงดวงใจกับใคร แต่ว่า... มีความหมายว่า " พวกเราไม่ใฝ่ใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่
มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้เยอะนี่ห้ามพลาดท่าเลยคะ มีคนรอคอยซ้ำเยอะแยะเลย
" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเรามองว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ
โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะทำให้พวกเราดีกว่ามากๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน
การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้เรื่องหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินงานกับคนใดกันแน่ เพราะฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้
6. โดนด่าวันนี้ ดีมากยิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50
ด้วยความที่อายุยังน้อย ความมุ่งมาดจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงพวกเราจะรู้สึกบีบคั้นในการดำเนินการสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบพวกเรามาแล้ว
สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าคำกล่าวมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยๆโดนด่าในขณะนี้
เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 มากมาย แม้ว่าจะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก แล้วก็ อ่อนประสบการณ์ คนโดยมากพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ เพราะฉะนั้น ล้มเหลวไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
วามแตกต่างกันระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และก็การหาเพื่อนพ้องในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงดวงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากมากแค่ไหน
นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราคือไปดำเนินงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อนพ้อง ด้วยเหตุผลดังกล่าววันๆเราก็เลยจะเจอเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น
เราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และสหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ พวกเรามีความคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น
พูดคุยแลกความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว
7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น
ความไม่เหมือนระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจริง ยุคประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และก็การหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นแค่นั้น
และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่แท้จิตใจคนนึงในสำนักงานมันย ากแค่ไหน นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินการ ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนฝูง ดังนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอเพียงแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่รวมทั้งเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น
พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบงี้ เราคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต
พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ เสวนาแลกความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าหากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว
8. ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "
สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย หากอย ากบรรลุผลสำเร็จ แล้วก็ มีความสุข จงเป็น " ลูกจ้าง (https://freelydays.com/13457/)มือโปร " ให้ได้ บอกง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เพราะว่าผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " นั่นนับว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าแรงงานนั้นๆ
พวกเราจะต้องทราบว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าหากอยากความก้าวหน้าในหน้าที่ แม้งานที่ทำอยู่มีความคิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป
ควรจะหางานที่เราทำแล้วเราสุขสบายและทำเป็นดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้สูงที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังส่งผลให้เราพัฒนาตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย
เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากท้ายที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่เรารักรวมทั้งอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากมาย
แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าจ้างปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าแรงงานกระทั่งเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นควรจะมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย ตัวอย่างเช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี
หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ เครือญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองดูด้านหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ช่วงนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าพ่อแม่อายุมากขึ้นทุกวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย หากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกเปลี่ยนกับความสบายของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/